หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักกับคำว่า ฟาซาด (Facade) ในเชิงสถาปัตยกรรมมากเท่าไหร่ เนื่องจาก Facade หมายถึง ส่วนหน้า หากเป็นคำเรียกในภาษาฝรั่งเศสแต่หากเป็นความหมายในแวดวงสถาปัตยกรรมแล้วจะหมายถึง เปลือกอาคารหรือการตกแต่งผิวในทุกๆ ด้านของอาคาร โดยในแต่ละอาคารจะมีรูปแบบและองค์ประกอบที่แตกต่างกันเพื่อเป็นตัวช่วยดึงดูดความน่าสนใจ เพิ่มความสวยงามให้กับอาคารและบ้านเรือน ไม่ใช่เพียงแค่แปลงโฉมอาคารเท่านั้นแต่ยังเป็นตัวช่วยยืดอายุการใช้งานของอาคารได้ด้วยเช่นกัน ด้วยการออกแบบเพื่อช่วยป้องกันแสงแดด ช่วยควบคุมความชื้น ช่วยป้องกันฝนสาดหรือช่วยลดอุณหภูมิจากสภาพอากาศภายนอกได้ ในปัจจุบันหลายคนเริ่มให้ความสนใจฟาซาดมากยิ่งขึ้นเพราะหันมาให้ความสำคัญในเรื่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ความทันสมัยของอาคาร การควบคุมแสงสว่าง หลีกเลี่ยงมลภาวะภายนอกที่ส่งผลเสียต่อผิวของอาคารโดยตรง
หากต้องการออกแบบเปลือกอาคารเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน จำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่มีส่วนช่วยในเรื่องของความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานภายนอก การเลือกสีที่ช่วยสะท้อนความร้อนและตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย หรือการเลือกทำผนัง 2 ชั้น (Double Skin Facade) ที่ช่วยลดความร้อนที่เข้ามาทางผนัง อย่างไรก็ตาม ‘ผนัง’ เป็นสิ่งที่ควรป้องกันและให้ความสำคัญเช่นกัน หากผนังได้รับรังสี UV จากแสงแดดและสภาพแวดล้อมภายนอกโดยตรงจะทำให้ตัวอาคารเสื่อมสภาพไวมากยิ่งขึ้น
สำหรับวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งอาคารควรเป็นวัสดุที่มีคุณภาพและพัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการให้กับงานสถาปัตยกรรมอย่างครบวงจรเพื่อรองรับการใช้งานในระยะยาว วัสดุสำหรับปกคลุมผิวของอาคารควรมีประสิทธิภาพในการป้องกันสภาพแวดล้อมภายนอกและสามารถนำมาตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับอาคารบ้านเรือนที่กำลังสร้างใหม่ควรเลือกใช้วัสดุปิดผิวผนังที่สะสมความร้อนต่ำ โดยควรเลือกเป็นโทนสีสว่างหรือสีอ่อนที่ดูดแสงน้อย หรือสามารถทำผนัง 2 ชั้นได้ด้วยวัสดุตกแต่งผิวผนังต่างๆ เช่น การทำระแนงบังแดดหรือตกแต่งอาคารด้วยสวนแนวตั้ง เพื่อลดความร้อนและช่วยยืดอายุให้กับตัวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสการจัดสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการจัดสวนที่ไม่ได้ปลูกบนพื้นดินด้วยไม้ประดับต่างๆ ตัวอย่างเช่น เป็นเกราะกันผนังอาคารภายนอกหรือตกแต่งผนังภายในเพื่อสร้างบรรยากาศเสมือนใกล้ชิดธรรมชาติ ในปัจจุบันนี้ หลากหลายงานสถาปัตยกรรมเริ่มนำเทรนด์ Green Building มาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบอาคารบ้านเรือนต่างๆ และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
การจัดสวนแนวตั้งมีหลากหลายวิธีการรวมถึงวัสดุด้วยเช่นกัน หากเป็นการจัดสวนแนวตั้งแบบทั่วไปทำได้โดยการใช้พรรณไม้ต่างๆ ที่สามารถปลูกได้ในกระถาง นำมาแขวงตกแต่งบนโครงสร้างผนังที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งการทำวิธีการเช่นนี้จำเป็นต้องใช้ต้นทุนการทำสูงเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาพรรณไม้ต่างๆ นี้ต่อไปในระยะยาวด้วเช่นกัน ในปัจจุบันเริ่มมีการคิดแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคตด้วยการผลิตใบไม้ประดิษฐ์ (Artificial Leaves) ที่ยังคงมีรูปลักษณ์เสมือนพรรณไม้จริงตามธรรมชาติ วัสดุยังคงสวยงามเช่นเดิมไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนโดยที่ไม่ต้องดูแลรักษา สามารถนำมาตกแต่งอาคารได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร สามารถนำมาใช้เพื่อปกปิดผิวผนังในที่สูงได้เนื่องจากตัววัสดุมีน้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้ง สามารถตัด ดัดโค้งได้ หากต้องการทำความสะอาดสามารถทำได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหรือใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงได้ด้วยเช่นกัน
หลากหลายวัสดุที่สามารถปกป้องผิวผนังและช่วยยืดอายุของตัวอาคา อีโคกรีน (EKOGREEN) เป็นหนึ่งตัวเลือกของวัสดุตกแต่งอาคาร ที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ทนทานต่อสภาพอากาศรุนแรงภายนอก อีโคกรีนทำหน้าที่หุ้มผนังที่เป็นเกราะป้องกันที่ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ป้องกันสภาพอากาศที่เข้าสู่ตัวอาคารโดยตรง เช่น พายุฝนและฝุ่นละอองต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานอาคารของคุณได้อย่างดี